เจาะลึกการขุดเหรียญ Helium IoT ด้วย SenseCAP M1: นวัตกรรมการสร้างรายได้ในยุค IoT

การขุด Helium (HNT) ด้วย SenseCAP M1 มีรายละเอียดเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิธีการทำงานและการสร้างรายได้ ดังนี้:

1. Proof-of-Coverage (PoC)

  • Helium ใช้ระบบ Proof-of-Coverage (PoC) เพื่อตรวจสอบว่าแต่ละฮอตสปอต (เช่น SenseCAP M1) สามารถให้บริการเครือข่ายได้จริงในพื้นที่นั้นๆ
  • PoC จะทำงานโดยการให้ฮอตสปอตส่งสัญญาณวิทยุออกไป และรับรองการครอบคลุมของเครือข่ายผ่านฮอตสปอตอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
  • Beaconing: ฮอตสปอตของคุณจะส่งสัญญาณวิทยุเป็นครั้งคราว เรียกว่า “beacons” ซึ่งฮอตสปอตอื่นๆ ที่อยู่ในระยะการรับสัญญาณจะสามารถตรวจจับและยืนยันการมีอยู่ของสัญญาณนั้นได้
  • Witnessing: ฮอตสปอตของคุณสามารถตรวจจับ “beacons” ที่ถูกส่งโดยฮอตสปอตอื่นๆ ในพื้นที่ เพื่อยืนยันการทำงานของฮอตสปอตเหล่านั้น ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการรับรายได้
  • ระบบ PoC นี้ช่วยให้เครือข่ายสามารถตรวจสอบได้ว่าเครือข่าย LoRaWAN ของ Helium สามารถให้การครอบคลุมสัญญาณได้จริงและครอบคลุมพื้นที่กว้างมากขึ้น

2. การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT (Data Transfer)

  • Helium เป็นเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ IoT ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะส่งข้อมูลในรูปแบบเล็กๆ ผ่านเครือข่ายที่ใช้พลังงานน้อย
  • อุปกรณ์ SenseCAP M1 จะทำหน้าที่รับ-ส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT ผ่านระบบ LoRaWAN และจะได้รับรางวัล HNT เมื่อสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สำเร็จ
  • ตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่อยู่ในฟาร์ม อุปกรณ์จะส่งข้อมูลผ่านฮอตสปอตไปยังเครือข่าย Helium และฮอตสปอตจะได้รับรางวัลจากการช่วยถ่ายโอนข้อมูลนั้น

3. โครงสร้างรางวัลการขุด Helium

  • รายได้หลักจากการขุด Helium มาจากสองส่วนหลัก คือ Proof-of-Coverage และการส่งข้อมูลของอุปกรณ์ IoT
  • ระบบการกระจายรางวัลจะทำตามสัดส่วนที่ถูกออกแบบไว้:
    • 30% ของรางวัลทั้งหมดมาจาก Proof-of-Coverage
    • 35% มาจากการให้บริการส่งข้อมูล (Data Transfer)
    • 35% มาจาก Staking และส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมเครือข่าย

4. SenseCAP M1 การติดตั้งและการใช้งาน

  • การติดตั้งง่าย: SenseCAP M1 ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ง่าย เพียงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi หรือ Ethernet จากนั้นทำการติดตั้งผ่านแอป Helium ที่ใช้ในการเชื่อมโยงฮอตสปอตเข้ากับบัญชี Helium ของคุณ
  • สถานที่ติดตั้ง: การติดตั้งควรอยู่ในที่สูงและโล่ง เช่น บนดาดฟ้าอาคาร เพื่อให้สัญญาณสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น ซึ่งจะทำให้โอกาสในการรับรางวัล PoC มากขึ้น
  • เสาอากาศ (Antenna): การเลือกเสาอากาศที่มีคุณภาพดีและกำลังส่งที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ SenseCAP M1 บางคนอาจเลือกอัปเกรดเสาอากาศเพื่อเพิ่มระยะการครอบคลุมของสัญญาณ

5. ปัจจัยที่มีผลต่อรายได้

  • จำนวนฮอตสปอตในพื้นที่: หากมีฮอตสปอตอื่นๆ ในระยะการรับสัญญาณ จะทำให้มีโอกาส witness beacons ของฮอตสปอตอื่นๆ ได้มากขึ้น ทำให้คุณได้รับรางวัลมากขึ้น
  • ตำแหน่งการติดตั้ง: การติดตั้งในพื้นที่ที่มีการใช้งาน IoT สูง (เช่น เมืองใหญ่ หรือพื้นที่อุตสาหกรรม) จะช่วยให้คุณมีโอกาสได้รับรางวัลจากการถ่ายโอนข้อมูลมากขึ้น
  • การแข่งขัน: หากในพื้นที่มีฮอตสปอตมากเกินไป อาจทำให้การแข่งขันสูงขึ้นและรายได้ลดลง เนื่องจากระบบ PoC จะต้องแบ่งรางวัลตามสัดส่วน

6. แอป Helium และการติดตามรายได้

  • คุณสามารถติดตามและตรวจสอบฮอตสปอตของคุณผ่านแอป Helium ซึ่งจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับจำนวน PoC ที่ได้รับ การ witness และการถ่ายโอนข้อมูล
  • แอปยังสามารถแจ้งเตือนเกี่ยวกับสถานะการเชื่อมต่อหรือปัญหาในการทำงานของฮอตสปอต

SenseCAP M1 จึงเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่าในการเข้าร่วมขุด Helium โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีตำแหน่งติดตั้งที่ดีและอยู่ในพื้นที่ที่มีความต้องการใช้งานเครือข่ายสูง

ปัจจุบัน ผลตอบแทนจากการขุด Helium ผ่านฮอตสปอตเช่น SenseCAP M1 จะได้รับเป็นเหรียญ Helium IoT (HNT IoT) แทนที่จะเป็น HNT (Helium Token) ในรูปแบบเดิม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการแยกเครือข่าย Helium เป็นสองเครือข่ายแยกกัน: Helium IoT และ Helium 5G เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม

การนำเหรียญ Helium IoT ไปใช้

เหรียญ Helium IoT (HNT IoT) สามารถนำไปใช้ได้ในหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้และการใช้งานบนเครือข่าย Helium:

1. การแลกเปลี่ยน (Swap) กับเหรียญ HNT หลัก

  • Helium IoT (หรือ HNT IoT) สามารถแลกเปลี่ยนกลับเป็นเหรียญ HNT หลักได้ผ่านการใช้งาน Helium Wallet หรือ Decentralized Exchange (DEX) ที่รองรับ
  • การแลกเปลี่ยนเหรียญนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ HNT ในการซื้อขายบนตลาดคริปโตต่างๆ หรือเก็บไว้เพื่อลงทุนในระยะยาว

2. การใช้เหรียญ Helium IoT สำหรับเครือข่าย IoT

  • เหรียญ Helium IoT สามารถนำไปใช้เพื่อ ชำระค่าบริการการส่งข้อมูล ในเครือข่าย Helium IoT ซึ่งเป็นการจ่ายค่าใช้จ่ายในการใช้งานเครือข่าย LoRaWAN สำหรับอุปกรณ์ IoT
  • ตัวอย่างเช่น หากคุณมีอุปกรณ์ IoT เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้นหรือเครื่องมือเก็บข้อมูลในฟาร์ม คุณสามารถใช้ Helium IoT ในการจ่ายค่าบริการเพื่อให้ข้อมูลสามารถถูกรับส่งผ่านเครือข่าย Helium ได้

3. การแลกเปลี่ยนในตลาดการซื้อขายคริปโต

  • คุณสามารถนำเหรียญ Helium IoT ไปแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์ม Decentralized Exchange (DEX) หรือแพลตฟอร์มที่รองรับ เช่น Helium Console หรือ Nova Labs เพื่อแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินคริปโตอื่นๆ
  • ตลาดคริปโตที่รองรับอาจเปิดให้ผู้ใช้สามารถซื้อ-ขาย HNT IoT ได้เหมือนกับเหรียญคริปโตอื่นๆ ซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนเป็น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) หรือ stablecoins เช่น USDT ได้

4. การลงทุนใน Helium Network

  • ผู้ถือเหรียญ Helium IoT สามารถนำเหรียญไป Stake หรือใช้ในการเข้าร่วมเป็น validator หรือ operator ในเครือข่าย Helium เพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติมในรูปแบบ HNT หลัก
  • ในอนาคตอาจมีโอกาสที่ Helium IoT จะได้รับการรองรับมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจของ IoT ทั่วโลก ทำให้การถือเหรียญไว้เพื่อการลงทุนระยะยาวเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

ประโยชน์เพิ่มเติมของ Helium IoT

เหรียญ Helium IoT ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในเครือข่าย LoRaWAN ซึ่งเน้นที่การส่งข้อมูลขนาดเล็กและประหยัดพลังงาน ซึ่งจะทำให้เกิดการขยายตัวของเครือข่าย IoT ในหลายๆ ภาคส่วน เช่น การเกษตรอัจฉริยะ (smart agriculture), เมืองอัจฉริยะ (smart city), การขนส่ง และอื่นๆ